การใช้ยาปฏิชีวนะทั้งในมนุษย์และสัตว์มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก ทั้งเพื่อการควบคุมการติดเชื้อและการเร่งการเจริญเติบโตของสัตว์ในการปศุสัตว์ รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะในพืชเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การใช้ยาปฏิชีวนะที่มากขึ้นและแพร่หลายนี้ส่งผลให้เกิดภาวะดื้อยาปฏิชีวนะ ในปัจจุบันมีการกำหนดมาตรการลดการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ความพยายามที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้ยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตามการใช้ยาปฏิชีวนะนี้ถูกฝังอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานและวิถีชีวิตซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลงจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจการใช้ยาปฏิชีวนะที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ สถาบัน และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อศึกษาหาแนวทางการแก้ไขเพื่อลดหรือละการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพในบริบทที่แตกต่าง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แนวทางเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
การใช้ยาปฏิชีวนะและสถานการณ์เชื้อดื้อยานั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทุกมิติ ทั้งเรื่องสุขภาพ ความรู้ วัฒนธรรม เศรษฐกิจและประวัติศาสตร์ และต้องการการทำความเข้าใจแบบ “สหวิทยาการ” (Multidisciplinary) ที่จะนำความรู้จากหลายสาขาวิชามาร่วมกันวิเคราะห์ปรากฏการณ์และสังเคราะห์ออกมาเป็นองค์ความรู้ร่วมกัน ซึ่งการทำงานร่วมของของหลากหลายสาขาวิชานี้จำเป็นต้องมีกลไกการประสานงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการทำงานร่วมมือกันระหว่างสาขาวิชาต่างๆ
ระหว่างปี 2017-2021 สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ London School of Hygiene and Tropical Medicine สหราชอาณาจักร Infectious Diseases Research Collaboration ประเทศยูกันดา และคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนิน “โครงการวิจัยการใช้ยาปฏิชีวนะในสังคม: การสร้างศูนย์กลางการทำวิจัยร่วมกันทั่วโลก (Anti-Microbials in Society (AMIS): A Global Interdisciplinary Research Hub)”
โครงการวิจัยนี้เป็นการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ สำหรับการแก้ไขปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะในสังคมด้วยการทำความเข้าใจปัจจัยทางสังคม ชีววิทยา และทางคลินิก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. สร้างศูนย์กลางการทำวิจัยร่วมกันในนานาชาติเพื่อการพัฒนา หาวิธีการนำไปปฏิบัติใช้ และเผยแพร่งานวิจัยที่เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะในสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังต่อไปนี้
1.1 เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักวิจัยเพื่อให้เข้าใจมุมมองใหม่ของการใช้ยาปฏิชีวนะในสังคมโดยผ่านการฝึกฝนเรียนรู้และทำงานร่วมกัน
1.2 เพื่อทำวิจัยที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ เน้นการพัฒนาทางทฤษฎี การทำวิจัยภาคสนามและการสร้างพันธมิตรร่วมกันในหลายประเทศ
1.3 การเผยแพร่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำวิจัยผ่านทางงานวิชาการ นโยบายและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
2. สร้างงานวิจัยแนวใหม่ในประเทศไทยและประเทศยูกันดา เนื่องจากยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งสำคัญในวิถีชีวิตประจำวันและโครงสร้างพื้นฐานของคนในสังคม งานวิจัยนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเข้าใจมุมมองในการใช้ยาปฏิชีวนะและหาทางเลือกที่ทดแทนยาปฏิชีวนะ
ผู้สนับสนุนโครงการวิจัย
ผลผลิตของโครงการ
สารคดีสั้น "เมื่อนักมานุษยวิทยา ถูกท้าทายจากโลกศตวรรษที่ 21"
นำเสนอตัวอย่างทำงานของ "นักมานุษยวิทยา" ในการเสนอมุมมองและวิธีการใหม่ ๆ เพื่อการทำความเข้าใจความซับซ้อนของปัญหาสุขภาพในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ในด้านนโยบายและปฏิบัติการทางสังคม
https://www.youtube.com/watch?v=iLXAOC3bNTw